www.Nattakae.webs.com |
อุตสาหกรรมยางพารา : เร่งปรับตัวรับอนาคตปี 2000
บทสรุปสำหรับผู้บริหารอุตสาหกรรมยางพาราเป็นอุตสาหกรรมเกษตรที่มีมูลค่าการส่งออกติดอันดับหนึ่งในสิบของสินค้าส่งออกของไทย ซึ่งมีทั้งการส่งออกในรูปของยางแปรรูปขั้นต้น เช่น ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง น้ำยางข้น เป็นต้น และการส่งออกในรูปของผลิตภัณฑ์ยาง เช่น ยางยานพาหนะ ถุงมือยาง ยางรัดของ เป็นต้น ในประเทศไทยมีโรงงานที่ผลิตทั้งยางแปรรูปขั้นต้นและโรงงานผลิตภัณฑ์ยาง 630 โรงงาน ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานกรีดยาง 800,000 ครัวเรือน มีการจ้างงานในการแปรรูปยางขั้นต้น 25,000 คน และการจ้างงานในโรงงานผลิตภัณฑ์ยาง 44,000 คน อุตสาหกรรมยางนั้นจัดเป็นอุตสาหกรรมที่มีอนาคตสดใส
จากการคาดการณ์ของกลุ่มศึกษายางระหว่างประเทศประเมินว่าในปี 2543 อุตสาหกรรมยางจะพลิกฟื้นขึ้นมาอีกครั้งจากที่ซบเซาลงอย่างมากในปี 2541 นี้ อันเนื่องมาจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจของภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะภูมิภาคเอเชีย ยางซึ่งเป็นสินค้ากึ่งอุตสาหกรรม และการขยายตัวของปริมาณการใช้ยางนั้นขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจอย่างมาก โดยเฉพาะภาวะเศรษฐกิจของประเทศผู้ผลิตรถยนต์ นอกจากนี้จากการประเมินความต้องการใช้ยางปรากฏว่ามีการปรับตัวในโครงสร้างอย่างมาก เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการยางแท่งเพิ่มมากขึ้นทดแทนความต้องการยางแผ่นรมควัน และในช่วงปี 2541 นี้ราคายางแท่งขยับลงมาใกล้เคียงกับราคายางแผ่นรมควันมากขึ้นด้วย ทำให้ประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติต้องเร่งปรับโครงสร้างการผลิต โดยเฉพาะประเทศไทยที่แม้ว่าจะเป็นผู้ผลิตยางธรรมชาติเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่มีสัดส่วนการผลิตยางแผ่นรมควันอยู่ในเกณฑ์ที่สูงมากเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีว่าผู้ประกอบธุรกิจผลิตยางในประเทศไทยเริ่มมีการปรับตัวแล้วตั้งแต่ปี 2540
นอกจากนี้ปัจจุบันการพัฒนาอุตสาหกรรมยางของไทยยังถือว่าล้าหลังประเทศคู่แข่งดั้งเดิมอย่างอินโดนีเซีย และมาเลเซีย หรือแม้แต่คู่แข่งใหม่อย่างเวียดนาม ดังนั้นนอกจากการปรับโครงสร้างการผลิตแล้วยังต้องมีการสนับสนุนอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้ยางเป็นวัตถุดิบในการผลิต ประเมินกันว่าถ้าประเทศไทยมีการส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องเพิ่มขึ้นจนมีการใช้ยางในประเทศในอัตราร้อยละ 20-30 ของปริมาณการผลิตยางทั้งหมดแล้ว ทำให้อุตสาหกรรมยางลดการพึ่งพิงตลาดต่างประเทศ ดังเช่นมาเลเซียซึ่งมีการใช้ยางเพื่ออุตสาหกรรมในประเทศสูงถึงร้อยละ 40 ทำให้ลดการพึ่งพิงตลาดต่างประเทศลงได้อย่างมาก และเมื่อเกิดวิกฤตราคายางในตลาดโลกตกต่ำ มาเลเซียได้รับผลกระทบน้อยมาก ถึงเวลาแล้วที่ผู้ผลิตยางอันดับหนึ่งของโลกอย่างประเทศไทยต้องเร่งปรับอุตสาหกรรมการผลิตยางให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลก และสนับสนุนให้เกิดอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ยางเพิ่มขึ้นในประเทศเพื่อสนับสนุนการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางของประเทศ โดยอาศัยความได้เปรียบในเรื่องวัตถุดิบมาเป็นประโยชน์อย่างเต็มที่
ที่มา Kasikorn Research Center 15 เดือนตุลาคม 2541 ผู้รับผิดชอบ : ปัญญภัทร ธาระวานิช